วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พืชผักสวนครัว

 
วิธีการปลูกผักสวนครัว
1. การปลูกผักในแปลงปลูก มีขั้นตอน คือ
1.1 การพรวนดิน ใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 6 นิ้ว เพื่อพรวนดินให้มีโครงสร้างดีขึ้น กำจัดวัชพืชในดินกำจัดไข่แมลงหรือโรคพืชที่อยู่ในดิน โดยการพรวนดินและตากทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน
1.2 การยกแปลง ใช้จอบพรวนยกแปลงสูงประมาณ 4-5 นิ้ว จากผิวดิน โดยมีความกว้างประมาณ 1-1.20 เมตร ส่วนความยาวควรเป็นตามลักษณะของพื้นที่หรืออาจแบ่งเป็นแปลงย่อยๆ ตามความเหมาะสม ความยาวของแปลงนั้นควรอยู่ในแนวทิศเหนือ - ใต้ ทั้งนี้เพื่อให้ผักได้รับแสงแดดทั่วทั้งแปลง
1.3การปรับปรุงเนื้อดินเนื้อดินที่ปลูกผักควรเป็นดินร่วนแต่สภาพ ดินเดิมนั้นอาจจะเป็นดิน ทรายหรือดินเหนียว จำเป็นต้องปรับปรุงให้เนื้อดินดีขึ้นโดยการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตราประมาณ 2-3 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน
1.4การกำหนดหลุมปลูกจะกำหนดภายหลังจากเลือกชนิด ผักต่างๆ แล้วเพราะว่าผักแต่ละชนิดจะใช้ระยะปลูกที่ต่างกัน เช่น พริก ควรใช้ระยะ 75*100 เซนติเมตร ผักบุ้งจะเป็น 5*5 เซนติเมตร เป็นต้น
2.การปลูกผักในภาชนะการปลูกผักในภาชนะควรจะ พิจารณาถึงการหยั่งรากของพืชผักชนิดนั้นๆ พืชผักที่หยั่งรากตื้นสามารถปลูกได้ดีในภาชนะปลูกชนิดต่างๆ และภาชนะชนิดห้อยแขวนที่มีความลึก ไม่เกิน 10 เซนติเมตร คือ
ผักบุ้งจีน คะน้าจีน ผักกาดกวางตุ้ง (เขียวและขาว) ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดหอม ผักกาดขาวชนิดไม่ห่อ (ขาวเล็ก ขาวใหญ่) ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง หอมแบ่ง (ต้นหอม) ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักโขมจีน กระเทียมใบ (Leek) กุยช่าย กระเทียมหัว ผักชีฝรั่ง บัวบก สะระแหน่ แมงลัก โหระพา (เพาะเมล็ด) กะเพรา (เพาะเมล็ด) พริกขี้หนู ตะไคร้ ชะพลู หอมแดง หอมหัวใหญ่ หัวผักกาดแดง (แรดิช)
วัสดุที่สามารถนำมาทำเป็นภาชนะปลูกอาจดัดแปลงจากสิ่งที่ใช้แล้ว เช่น ยางรถยนต์เก่า กะละมัง ปลอกซีเมนต์ เป็นต้น สำหรับภาชนะแขวนอาจใช้ กาบมะพร้าว กระถาง หรือเปลือกไม้
วิธีการปลูกผักในภาชนะแย่งออกได้เป็น 2 วิธี
2.1 เพาะเมล็ดด้วยการหว่านแล้วถอนแยกหรือหยอดเป็นแถวแล้วถอนแยก ซึ่งพืชที่ควรปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่
- ผักบุ้งจีน - คะน้าจีน - ผักกาดขาวกวางตุ้ง
- ผักกาดเขียวกวางตุ้ง - ผักฮ่องเต้(กวางตุ้งไต้หวัน)
- ตั้งโอ๋ - ปวยเล้ง - ผักกาดหอม
- ผักโขมจีน - ผักชี - ขึ้นฉ่าย
- โหระพา - กระเทียมใบ - กุยฉ่าย
- หัวผักกาดแดง - กระเพรา - แมงลัก
- ผักชีฝรั่ง - หอมหัวใหญ่
2.2 ปักชำด้วยต้น และหัว ได้แก่
- หอมแบ่ง (หัว) - ผักชีฝรั่ง - กระเทียมหัว (ใช้หัวปลูก)
- หอมแดง (หัว) - บัวบก (ไหล) - ตะไคร้ (ต้น)
- สะระแหน่ (ยอด) - ชะพลู (ต้น) - โหระพา กิ่งอ่อน)
- แมงลัก (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)
หมายเหตุ มีบางพืชที่ปลูกด้วยหัว หรือส่วนของต้นก็ได้ปลูกด้วยเมล็ดก็ได้ ดังนั้นจึงมีชื่อผักที่ซ้ำกันทั้งข้อ1และ 2

ผักในภาชนะ
การปฏิบัติดูแลรักษา
การดูแลรักษาด้วยความเอาใจใส่ จะช่วยให้ผักเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์จนถึงระยะเก็บเกี่ยว การดูแลรักษาดังกล่าว ได้แก่
1. การให้น้ำ การปลูกผักจำเป็นต้องให้น้ำเพียงพอ การให้น้ำผักควรรดน้ำในช่วง เช้า- เย็น ไม่ควรรดตอนแดดจัด และรดน้ำแต่พอชุ่มอย่าให้โชก
2. การให้ปุ๋ย มี 2 ระยะคือ
2.1 ใส่รองพื้นคือการใส่เมื่อเวลาเตรียมดิน หรือรองก้นหลุมก่อนปลูก ปุ๋ยที่ใส่ควรเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก คลุกในดินให้ทั่วก่อนปลูกเพื่อปรับโครงสร้างดินให้โปร่งร่วนซุย นอกจากนั้นยังช่วยในการอุ้มน้ำและรักษาความชื้นของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชด้วย
2.2 การใส่ปุ๋ยบำรุง ควรใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อย้ายกล้าไปปลูกจนกล้าตั้งตัวได้แล้ว และใส่ครั้งที่ 2 หลังจากใส่ครั้งแรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ การใส่ให้โรยบางๆ ระหว่างแถว ระวังอย่าให้ปุ๋ยอยู่ชิดต้น เพราะจะทำให้ผักตายได้ เมื่อใส่ปุ๋ยแล้วให้พรวนดินและรดน้ำทันที สูตรปุ๋ยที่ใช้กับพืชผัก ได้แก่ ยูเรีย หรือ แอมโมเนียซัลเฟต สำหรับบำรุงต้นและใบ และปุ๋ยสูตร 15-15-15 และ 12-24-12 สำหรับเร่งการออกดอกและผล
3. การป้องกันกำจัดศัตรูพืช ควรบำรุงรักษาต้นพืชให้แข็งแรงโดยการกำจัดวัชพืช ให้น้ำอย่างเพียงพอและใส่ปุ๋ยตามจำนวนที่กำหนดเพื่อให้ผักเจริญเติบโต แข็งแรง ทนต่อโรคและแมลง หากมีโรคและแมลงระบาดมากควรใช้สารธรรมชาติ หรือใช้วิธีกลต่างๆ ในการป้องกันกำจัด เช่น หนอนต่างๆ ใช้มือจับออก ใช้พริกไทยป่นผสมน้ำฉีดพ่น ใช้น้ำคั้นจากใบหรือเมล็ดสะเดา ถ้าเป็นพวกเพลี้ย เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย และเพลี้ยจั๊กจั่น ให้ใช้น้ำยาล้างจาน 15 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใต้ใบเวลาเย็น ถ้าเป็นพวกมด หอย และทาก ให้ใช้ปูนขาวโรยบางๆ ลงบริเวณพื้นดิน
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวผักควรเก็บในเวลาเช้าจะทำให้ได้ผักสดรสดี และหากยังไม่ได้ใช้ให้ล้างให้สะอาด และนำเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับผักประเภทผลควรเก็บในขณะที่ผลไม่แก่จัด จะได้ผลที่มีรสดีและจะทำให้ผลดก หากปล่อยให้ผลแก่คาต้น ต่อไปจะออกผลน้อยลง
สำหรับในผักใบหลายชนิด เช่นหอมแบ่ง ผักบุ้งจีน คะน้า กะหล่ำปลี การแบ่งเก็บผักที่สดอ่อนหรือโตได้ขนาดแล้ว โดยยังคงเหลือลำต้นและรากไว้ไม่ถอนออกทั้งต้น รากหรือต้นที่เหลืออยู่จะสามารถงอกงามให้ผลได้อีกหลายครั้ง ทั้งนี้จะต้องมีการดูแลรักษาให้น้ำและปุ๋ยอยู่ การปลูกพืชหมุนเวียนสลับชนิดหรือปลูกผักหลายชนิดในแปลงเดียวกัน และปลูกผักที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นบ้างยาวบ้างคละกันในแปลงเดียวกัน หรือปลูกผักชนิดเดียวกันแต่ทยอยปลูกครั้งละ 3-5 ต้น หรือประมาณว่าพอรับประทานได้ในครอบครัวในแต่ละครั้งที่เก็บเกี่ยว ก็จะทำให้ผู้ปลูกมีผักสดเก็บรับประทานได้ทุกวันตลอดปี
การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ
การปลูกผักไว้รับประทานเอง เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ได้บริโภคผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ แต่ทุกครอบครัวคงไม่สามารถปลูกผักทุกชนิดไว้รับประทานเองได้ ดังนั้นการต้องซื้อหาผักจากตลาดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ ทั้งนี้ผักต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างก็ได้ ดังนั้นควรมีการล้างผักให้ถูกวิธีและให้ปลอดภัยจากสารพิษมากที่สุด วิธีการล้างผักให้สะอาดเพื่อลดปริมาณสารพิษ สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกดังนี้
1. ลอกหรือปอกเปลือกแล้วแช่ในน้ำสะอาด นาน 5-10 นาที หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง จะช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72
2. แช่น้ำปูนใสนาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-52
3. แช่โฮโดรเจนเพอร์ออกไซน์นาน 10 นาที (โฮโดรเจนเพอร์ออกไซน์ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-50
4. แช่น้ำด่างทับทิมนาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 4 ลิตร ) และล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43
5. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อกนาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39
6. แช่น้ำซาวข้าวนาน 10 นาที และล้างด้วยน้ะสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
7. แช่น้ำเกลือนาน 10 นาที (เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำะสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
8. แช่น้ำส้มสายชูนาน 10 นาที (น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-36
9. แช่น้ำยาล้างผักนาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 22-36

ราชาแห่งผลไม้

ทุเรียนได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ทุเรียนมีมากกว่า 30 ชนิด มีอย่างน้อย 9 ชนิดที่รับประทานได้ ทุเรียนมีสายพันธุ์ประมาณ 100 สายพันธุ์ให้ผู้บริโภคเลือกรับประทาน ในประเทศไทยพบทุเรียนอยู่ 5 ชนิด มิใช่ว่าจะมีแต่เพียงเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อยเพียงอย่างเดียว คุณค่าอย่างอื่นของทุเรียนก็มีด้วยไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร ไขมัน โปรตีน น้ำ เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซิน วิตามินซีแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
นอกจากนั้นทุเรียนยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงทั้งยังอุดมไปด้วยกำมะถัน และคอเลส เตอรอล ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเพราะหากกินเข้าไประดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อย่างรวดเร็วยังทำให้ร้อนในและรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
ในตำราสมุนไพรไทย กล่าวไว้ว่า ส่วนต่าง ๆ ของทุเรียนสามารถนำมาใช้เป็นยาได้ โดยใบมีรสขม, เย็นเฝื่อน มีสรรพคุณแก้ไข้, แก้ดีซ่าน, ขับพยาธิ และทำให้หนองแห้ง เนื้อทุเรียนมีรสหวาน, ร้อน มีสรรพคุณให้ความร้อน, แก้โรคผิวหนัง, ทำให้ฝีแห้ง และขับพยาธิ เปลือกทุเรียนมีรสฝาดเฝื่อนใช้สมานแผล, แก้น้ำเหลืองเสีย, พุพอง, แก้ฝี, ตาน, ซาง, คุมธาตุ, แก้คางทูม และไล่ยุงและแมลง ส่วนรากมีรสฝาดขมใช้แก้ไข้และแก้ ท้องร่วง
คนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถวบ้านเรา ลาว เขมร พม่า นี่แหละ เชื่อว่าทุเรียนมีคุณสมบัติให้ความร้อนซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเหงื่อออก มากกว่าปกติ วิธีโบราณที่จะลดผลกระทบจากความร้อนนี้คือรินน้ำลงในเปลือกทุเรียนหลังจาก เนื้อถูกรับประทานแล้วและดื่มน้ำนั้น อีกวิธีคือรับประทานทุเรียนไปพร้อมกับมังคุดซึ่งถูกคิดว่ามีคุณสมบัติให้ ความเย็น มีความเชื่อโบราณที่ห้ามผู้หญิงมีครรภ์หรือคนที่มีความดันเลือดสูงรับประทาน ทุเรียน
ในบางที่เชื่อว่าทุเรียนจะเป็นอันตรายเมื่อรับประทานร่วมกับกาแฟหรือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อันนี้บ้านเราเองก็เชื่อ เขาว่า ห้ามกินเหล้ากับทุเรียน เพราะมัน “ร้อน” ทั้งคู่ เดี๋ยวหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี…คือบางทีรับประทานทุเรียนเพียงอย่างเดียวก็อาจตายได้ หากรับประทานมากเกินไป ไม่รู้จักความพอดี ฉะนั้น อะไร ที่มันมากเกินไปมันก็ไม่ดี เดินสายกลางดีกว่าพระท่านสอนไว้
เรื่องนี้สิสำคัญ สำหรับบางคนนะ คือ ชาวชวาเชื่อว่าทุเรียนมีคุณสมบัติกระตุ้นความต้องการทางเพศเขาบอกว่า “ทุเรียนตก โสร่งถกขึ้น” อุ๊ย…มิน่าล่ะ!
นอกจากนี้แล้ว ทุเรียนยังสามารถนำไปแปรรูปและทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น ทุเรียนกวนอันนี้ก็อร่อย ทุเรียนกรอบก็มี แยมทุเรียนก็ได้ นอกจากอาหารหวานแล้ว อาหารคาวก็นำทุเรียนมาทำได้ ก็ทุเรียนอ่อนไงนำมาแกงได้
เปลือกทุเรียนที่เราเคยเห็นเขาทิ้งเขาขว้างหลังจากที่ปอกเปลือกให้เรา แล้ว เชื่อไหมว่า เขาสามารถนำเปลือกทุเรียนมาทำเป็นกระดาษได้ โดยนักวิจัยจากกลุ่มวิจัยพัฒนาการแปรรูปผลิตผลเกษตร สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร
เปลือกทุเรียนเมื่อแปรรูปเป็นกระดาษแล้วมีคุณภาพเด่นเฉพาะตัว คือให้เส้นใยนุ่มและเหนียวกว่าเนื้อกระดาษสา สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังสามารถผสมเส้นใยของผัก ผลไม้ต่าง ๆ กับเปลือกทุเรียนในการทำกระดาษ จะทำให้ได้กระดาษ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเฉพาะตัวต่างกันไป เช่น เปลือกมังคุดได้สีม่วงธรรมชาติ เปลือกแก้วมังกรจะได้กระดาษสีม่วงธรรมชาติและผิวสัมผัสนุ่ม ใบเตยจะได้กระดาษที่มีกลิ่นหอมและมีสีเขียว หากสนใจทำกระดาษจากเปลือกทุเรียนน่าจะสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี จ.จันทบุรี


                                 

น้ำแร่ธรรมชาติ

มารู้จักน้ำแร่กันเถอะ
น้ำแร่ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากน้ำบนผิวโลกซึมลงสู่ใต้ดินอย่างช้าๆ โดยผ่านชั้นดินชั้นหินมีการกลั่นกรองโดยธรรมชาติจนมารวมตัวกัน ณ แหล่งน้ำใหญ่ใต้พื้นพิภพที่มีแร่ธาตุสารอาหาร และอินทรีย์สารที่มีประโยชน์เป็นองค์ประกอบโดยมีกลไกทางธรรมชาติความกดดัน และความร้อนใต้พื้นพิภพเป็นเครื่องมือช่วยในการผสมผสานแร่ธาตุให้ปะปนกันได้อย่างกลมกลืน น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติใต้ดินที่พุ่งชันสู่เหนือพื้นดินได้ด้วยแรงดันตามธรรมชาติเรียกกันทั่วไปว่า น้ำพุร้อนหรือ น้ำแร่นั่นเอง
น้ำแร่มีประโยชน์อย่างไร
น้ำแร่ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกาและเอเชีย น้ำแร่จากน้ำพุร้อนนั้นเมื่อนำมาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางเคมีจะตรวจพบแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างเช่น แคลเซี่ยม โซเดี่ยม ฟลูออไรด์ ซัลเฟต เป็นต้น ซึ่งแร่ธาตุต่างๆเหล่านี้เป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมให้น้ำแร่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาและส่งเสริมสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ การอาบน้ำแร่ในขณะที่ยังมีอุณหภูมิสูงนั้นจะช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับไขข้อและกล้ามเนื้อต่างๆได้อย่างดี ในขณะเดียวกันน้ำแร่อุณหภูมิปกติ ก็ยังคงอุดมด้วยแร่ธาตุซึ่งมีประโยชน์ สามารถนำมารักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
น้ำแร่ อาหารเสริมสำหรับผิวพรรณ
ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและวิถีทางดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากปัจจัยหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การใช้สารเคมีอย่างไม่ระมัดระวัง การแข่งขันในเชิงการค้าและความเป็นอยู่  มลภาวะ การลดลงของชั้นบรรยากาศโอโซน การลดลงของน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่าเดิม สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงแก่ร่างกายของมนุษย์ต้องสูญเสียน้ำไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมและโดยการเผาผลาญจากความร้อนเนื่องจากชั้นบรรยากาศเบาบางลงนั้นเราจึงควรชดเชยน้ำให้แก่ร่างกาย โดยการดื่มน้ำบริสุทธิ์มากๆ สำหรับผิวพรรณก็เช่นกันควรดูแลถนอมผิวพรรณให้ชุ่มชื้นเปล่งปลั่งอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเว้น  น้ำแร่นอกจากจะช่วยลดความแห้งของอากาศและให้ความชุ่มชื้นกับผิวพรรณแล้ว แร่ธาตุในน้ำแร่จะออกฤทธิ์ป้องกันโรคผิวหนัง ช่วยกระชับรูขุมขนและสมานผิวให้นวลเนียน สวยงาม นับเป็นอาหารเสริมที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่มีประโยชน์กับผิวพรรณของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง
จากปรัชญาของเรา
มินเนอร์รี่ คือเครื่องสำอางที่ผสมผสานระหว่างความสวยงามและธรรมชาติอีกทั้งไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและที่สำคัญที่สุด คือร่างกายของท่าน ดังนั้นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ประเภท สกินแคร์ แฮร์แคร์ บอดี้แคร์ และเมาท์แคร์ ทุกชนิดนั้นล้วนผสมน้ำแร่ธรรมชาติแท้ๆ 100% นอกจากนั้นยังมีสารอาหารบำรุงผิวที่สำคัญต่างๆ อีกมากมายล้วนสกัดมาจากพืชสมุนไพรธรรมชาติทั้งสิ้น
จากน้ำแร่ธรรมชาติมาเป็นเครื่องสำอางทรงคุณค่า
เนื่องจาก น้ำแร่นั้นเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ ว่ามีผลช่วยขจัดปัญหา และรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ผลดี นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาของสิวเสี้ยน สิวอุดตัน เมล็ดผื่นต่างๆและยังมีผลทำให้รูขุมขนกระชับผิวเนียนนุ่ม และคงความชุ่มชื่นไว้ได้ดี ประกอบกับสภาพวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันล้วนส่งผลให้แร่ธาตุในร่างการถูกทำลายไปได้ง่ายขึ้นอันจะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและร่างกาย เครื่องสำอาง มินเนอร์รี่จึงได้ถูกผลิตขึ้นโดยทีมแพทย์และเภสัชกรไทย นำน้ำแร่ธรรมชาติจากแหล่งน้ำพุร้อนบริเวณ รุ่งอรุณรีสอร์ท อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ของเครื่องสำอาง โดยมุ่งหวังที่จะใช้น้ำแร่เป็นเครื่องมือในการบรรเทาปัญหาของโรคผิวหนังและรักษาผิวพรรณ ให้มีความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น เครื่องสำอาง มินเนอร์รี่ นั้น ถูกผลิตขึ้นโดยเน้นหลักการของการบำรุงเป็นหลักเนื่องจากหลักความเป็นจริงที่ว่า คนเราจะสวยงามได้นั้นต้องมีพื้นฐาน จากสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดี